วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

ฉงชิ่ง เที่ยวง่าย เดินทางสะดวก

ได้เวลาออกเดินทางท่องเที่ยวกันอีกแล้ว คราวนี้เราพาไปตะลุยแดนมังกรกันเหมือนเดิมอย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ ครั้งนี้พวกเราชาวนกสกู๊ต (Nokscoot)จะพาทุกท่านบินตรงไปยังมหานครฉงชิ่ง (Chongqing)ที่ตั้งอยู่ใจกลางประเทศจีนกันเลย ด้วยว่าเราได้เปิดเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ-ฉงชิ่งกันแล้ว ทำให้ประเทศจีนดูใกล้กว่าที่คิด ใช้เวลาบินแบบจิ๊บๆ แค่สามชั่วโมงเอง
มารู้จักเมืองนี้กันสักนิดก่อนจะเดินทาง มหานครฉงชิ่งมีจำนวนประชากรมากกว่า 31 ล้าน ที่นี่เลยกลายเป็นมหานครที่น่าเที่ยวด้วยว่ามีทุกอย่างครบครัน ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ทั้งการคมนาคมที่สะดวก มีรถไฟความเร็วสูง โรงแรมหรูระดับห้าดาว ร้านอาหารชื่อดังที่อร่อย ฉงชิ่งเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งมรดกโลกและสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ แล้วเราจะเดินทางมาเที่ยวเมืองฉงชิ่งกันยังไงล่ะ
41298142 - city of chongqingฉงชิ่ง (chongqing)
     หลังจากที่คุณได้จองตั๋วเครื่องบินไปกับเราชาวนกสกู๊ตแล้ว ก่อนที่จะเดินทางท่องเที่ยวจีน อย่าลืมขอวีซ่าประเทศจีนจากสถานทูตจีนในไทยก่อนนะครับ ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วโดยไม่ขอวีซ่าก่อนนี่โดนลอยแพกลับมาแน่ๆ  การเตรียมวีซ่าท่องเที่ยวแค่มีพาสปอร์ตที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เอกสารใบจองตั๋วเครื่องบิน เอกสารใบจองโรงแรม รูปถ่ายปัจจุบันหน้าตรง  หลักฐานทางการเงินที่มียอดคงเหลือในบัญชีมากกว่า 50,000 บาท ขึ้นไป พร้อมกับแบบฟอร์มขอวีซ่าที่กรอกข้อมูลครบแล้ว 1ชุด เพียงเท่านี้ เราก็เอาไปยื่นได้ที่สถานทูตจีนเพื่อขอวีซ่ากันได้เลย สถานทูตตั้งอยู่ที่รัชดาซอย 3 นะ ถ้าไปไม่ถูกดูที่หน้าเว็บไซต์นี้ได้ www.chinaembassy.or.th
พอเราได้วีซ่าประเทศจีนแล้วก็เตรียมตัวจัดกระเป๋าเดินทางกันเลย แล้วจะจัดเสื้อผ้ากันอย่างไรดีล่ะ เมืองฉงชิ่ง อากาศค่อนข้างชื้น มีแสงแดดน้อย ถ้ามาหน้าร้อนจะร้อนอบอ้าว ด้วยเมืองนี้ตั้งอยู่ในหุบเขาทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน จึงได้ถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองภูเขาเตาไฟ เมืองในหมอก” มีทุกอย่างครบทั้งความร้อนและความชื้น เราจึงขอให้เพื่อนๆ เตรียมเสื้อผ้าที่สวมใส่สบายในฤดูร้อน และเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนมาด้วย ส่วนฤดูหนาวก็อย่าลืมพกเสื้อกันหนาวแบบมีฮู้ดมาด้วยนะครับ
เมื่อเดินทางมาเที่ยวฉงชิ่งแล้ว เราจะเที่ยวฉงชิ่งด้วยตัวเองได้ยังไงล่ะ จะขึ้นรถราที่ไหน ไม่ต้องห่วงเลย การเดินทางทั่วไปในเมืองฉงชิ่งค่อนข้างถูกครับ รถเมล์ราคาเริ่มต้นที่ 1-3หยวน เป็นตัวเลือกการเดินทางที่ถูกที่สุด แต่ควรรู้ภาษจีนสักนิด  เช่นอ่านป้ายได้หรือพูดได้นิดหน่อย ไม่งั้นจะหลงครับ หรือเราจะนั่งรถแท็กซี่เที่ยวก็ได้ ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 7-9 หยวน จ่ายกันได้สบายๆ
รถไฟใต้ดินก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ หรือที่เรียกกันว่า CRT ปัจจุบันมีทั้งหมด3 สาย ด้วยกัน สามารถเดินทางออกจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองหลักได้เลย คือออกจากสนามบินให้เดินไปทางซ้ายมือตามทางเดินเลาะถนนไปเรื่อยๆประมาณ 200 เมตร (ทางไป Domestic)  จะมีสถานีรถไฟฟ้า CRT อยู่   (ตรงนี้เป็นสาย 3 )  ค่าตั๋วเริ่มต้นที่ 2 หยวนเพียงชั่วอึดใจก็เข้าสู่ใจกลางเมืองแล้ว อันที่จริงโครงการสร้างรถไฟฟ้าในมหานครฉงชิ่งนี้จะมีทั้งหมด10 สาย แต่ตอนนี้ทำไปแค่
chongging_3
หรือถ้าคุณเริ่มเบื่อๆ กับบรรยากาศมหานครที่จอแจที่นี่ เมืองฉงชิ่งเองยังมีรถไฟความเร็วสูงวิ่งระหว่างมณฑลนะ มีตั้งแต่วิ่งไปนครเฉิงตู มณฑลเสฉวน ไปเมืองอู่หลงเพื่อไปชมอุทยานทางธรรมชาติย่อมทำได้ ด้วยมหานครฉงชิ่งเป็นเมืองศูนย์กลางคมนาคมที่แสนสะดวกสบายนี่เอง จึงเป็นทั้งจุดต่อรถ ต่อเครื่องบิน แล้วเราจะไม่รักฉงชิ่งกันได้อย่างไร
เดี๋ยวไว้ตอนหน้าเราจะกลับมารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองฉงชิ่งอย่างละเอียดกันต่อดีกว่า คุณล่ะพร้อมบินไปกับเรากันรึยัง มหานครฉงชิ่งเที่ยวง่าย เดินทางได้ด้วยตนเอง บินแบบสบายกระเป๋า จองตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาตั๋วเครื่องบิน ตั๋วเครื่องบินราคาถูก ไปกับเรานกสกู๊ตกันเลย สายการบินราคาถูก

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559

นานกิง ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักหมดใจ

หากคุณอยากจะพาคู่รักไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง เมืองที่สุดแสนจะโรแมนติค บรรยากาศช่างเป็นใจและค่าใช้จ่ายไม่สูงเกินไปนัก ต้องที่นี่เลยเราอยากแนะนำทุกท่านให้มาที่นี่ นั่นคือ นครนานกิง (Nanjing) เมืองที่สุดแสนจะโรแมนติคในเชตมณฑลเจียงซู (Jiangsu) ประเทศจีนนั่นเอง
นานกิง
ภาพประกอบจาก : https://a2ua.com/nanjing


                ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวนานกิงกับเราทีมงานนกสกู๊ต อย่าลืมกดจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกของเราก่อนซึ่งจะมีโปรโมชั่นราคาย่อมเยาออกมาเรื่อยๆ เมื่อได้จองตั๋วเครื่องบินแล้วก็ควรเตรียมหลักฐานสำคัญในการขอวีซ่าประเทศจีนที่สถานทูตจีนให้เรียบร้อย ซึ่งเอกสารสำคัญจะประกอบด้วยตั๋วเครื่องบิน, ใบจองโรงแรม, หนังสือรับรองการทำงาน, หลักฐานทางการเงิน ฯลฯ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถพาคู่รักของคุณบินลัดฟ้าสู่นครนานกิง ประเทศจีนกันได้เลย
                เมื่อพร้อมที่จะบินไปกับเราแล้ว มาดูกันว่าในนครนานกิงนั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวใดบ้างที่บรรยากาศเป็นใจชวนโรแมนติคเหมาะสมกับช่วงเดือนแห่งความรักนี้ ซึ่งอากาศอาจจะหนาวเย็นสักนิด แต่เราเชื่อว่าหลายคนคงชอบเพราะเดินได้สบายๆ เมืองนานกิงนั้นตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแยงซีอันยิ่งใหญ่ของจีน ในประวัติศาสตร์เคยเป็นเมืองที่ตกอยู่ในสมรภูมิสงคราม แต่ปัจจุบันภาพลักษณ์เหล่านั้นแทบจะถูกลบออกไปเสียสิ้นแล้ว 

นานกิงภาพประกอบจาก : https://a2ua.com/nanjing

Qinhuai River
            อีกมุมหนึ่งของเมืองนานกิง แม่น้ำสาขาย่อยที่แตกออกจากแม่น้ำแยงซีนั่นคือ แม่น้ำกิงไห่ มีความยางตลอดทั้งสาย110 กิโลเมตร ไหลเอื่อยผ่านตัวเมืองนานกิง นับเป็นมุมหนึ่งของเมืองที่สามารถถ่ายรูปได้สวยทุกมุม เหมาะแก่การถ่ายพรีเว้ดดิ้งมากๆ ที่นี่ยังมีบริการล่องเรือชมความงดงามของวิวแม่น้ำทั้งสองฝั่งอีกด้วย ตลอดเส้นทางของแม่น้ำได้ไหลผ่านสถานที่สำคัญๆ เช่น วัดขงจื๊อเก่าแก่ประจำเมือง (Confucius Temple) สวนสาธารณะซานหยวน (Zhanyuan Garden) ที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง และประตูชัย Zhonghua Gate ว่ากันว่าความงามของเส้นทางนี้ทำให้กวีหลายท่านในอดีตได้ประพันธ์ถึงความงามสุดโรแมนติคของที่นี่ไว้เต็มไปหมด

ภาพประกอบ : https://media1.britannica.com/

สะพานข้ามแม่น้ำแยงซี (Nanjing Changjiang Bridge)
            สะพานขนาดยักษ์เป็นศิ่งปลูกสร้างสมัยใหม่ด้วยน้ำมือมนุษย์ ทอดข้ามแม่น้ำแยงซีของจีนหลังจากที่ทางจีนเองได้ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีในเมืองอู่ฮั่นและฉงชิ่งมาแล้ว สะพานแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า สะพานนานจิงฉางเจียงต้าเฉียว (Nanjing Changjiang Daquiao) มีความยาวทั้งสิ้น 1,577 เมตร  ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง สร้างเสร็จสมบูรณ์และเปิดใช้งานเมื่อปี 1968 การก่อสร้างต้องใช้แรงงานกว่า 9,000 คนและกินเวลายาวนานถึง 8 ปี โดยสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีแห่งนี้ถือเป็นสะพานแห่งแรกที่ออกแบบและสร้างโดยเทคนิคของสถาปนิกจีนซึ่งถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของจีนชนิดที่ว่าถ้าไม่ได้มาเยือนสะพานแห่งนี้ถือว่าคุณยังมาไม่ถึงเมืองนานกิงนะ และสะพานนี้เองยามค่ำคืนได้มีการเปิดไฟสว่างไสวทั้งคืนความงดงามของดวงไฟตลอดความยาวสะพานนั้น เปรียบได้กับสร้อยไข่มุกแห่งแม่น้ำแยงซีเลยทีเดียว


ภาพประกอบ : http://travelneu.com

 กำแพงเมืองนานกิง (City Wall of Nanjing)
            กำแพงเมืองโบราณที่ยาวที่สุดในโลกรวมความยาวกว่า 35 กิโลเมตร มีความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 14-21 กิโลเมตร กำแพงเมืองนานกิงนั้นสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ออกแบบโดยจู หยวนจางหลังจากท่านสถาปนาราชวง์หมิงขึ้นปกครองแผ่นดินจีน การก่อสร้างต้องใช้เวลานานกว่า 20 ปี สถานที่แห่งนี้คุณจะได้เกี่ยวก้อยกับคนรักเดินทอดน่องชมวิวทิวทัศน์เมืองนานกิงได้ทั้งเมืองเป็นจุดชมวิวได้อย่างดี


ภาพประกอบ : http://photo6.cdnelite.com/
สวนสาธารณะทะเลสาบซวนหวู (Xuanwu Lake Park)

     สวนสาธารณะอันเขียวชอุ่มและโดดเด่นเคยถูกใช้เป็นที่ฝึกภาคพื้นดินของกองกำลังทหารเรือในช่วงราชวงศ์ฉิน (Qin) หรือยุคสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้นั่นเอง และในภายหลังได้กลายเป็นสวนของรัฐบาลจีน ภายในทะเลสาบยังมีเกาะแก่งต่างๆมากมาย ช่วงเช้าอากาศดีมากๆ เหมาะแก่การเดินเล่นรอบๆ ทะเลสาบเมืองนานกิงจัดว่าเป็นมุมผ่อนคลายและโรแมนติคที่สุดในเขตเมืองนานกิงเลย

                นี่กล่าวถึงแค่สถานที่ทางประวัติศาสตร์และทางธรรมชาติอันสุดแสนจะโรแมนติกสำหรับเดือนแห่งความรักนี้ ยังไม่นับรวมไปถึงอาหารจีนเลิศรสจากร้านระดับภัตตาคารในตัวเมืองที่จะพาคุณและคนที่คุณรักได้ลิ้มรสร่วมกันในบรรยากาศที่ผ่อนคลายอีก เห็นเช่นนี้แล้วอย่ารอช้าอีกเลย รีบจองตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพฯ-นานกิง บินไปกับเรา Nok Scoot กันได้เลย ตั๋วเครื่องบินราคาถูก เช็คราคาตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วเครื่องบิน คลิกเลยจ้าา

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559

6 สิ่งที่ไม่ควรพลาด เที่ยวเมืองเสิ่นหยาง

    
                เมืองเสิ่นหยาง (Shenyang) นั้นเป็นเมืองเอกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของมณฑลเหลียวหนิง (Liaoning) ตั้งอยู่เหนือมหานครปักกิ่งขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน อยู่ใกล้กับชายแดนประเทศเกาหลีเหนือ เป็นจุดศูนย์กลางการเดินทางไปยังเมืองท่าต้าเหลียน (Dalian) ชายฝั่งทะเล และเมืองฮาร์บินที่มีเทศกาลหิมะ เสิ่นหยาง เป็นเมืองอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมหลัก ๆ อีกด้วย แล้วเพราะเหตุใดเราถึงต้องเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเสิ่นหยาง ลองมาฟังเหตุผลต่างๆเหล่านี้กันเลย


  1. เมืองเสิ่นหยาง อากาศดีตลอดปี ด้วยความที่ตั้งอยู่ใจกลางมณฑลเหลียวหนิงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้สภาพอากาศแห้ง ไม่ต้องระวังฝนตกมากนัก ฤดูหนาวอากาศหนาวจัดและแห้งแล้ง อุณหภูมิอาจติดลบได้ ควรเตรียมเสื้อหนาวหนา ๆ ไปด้วย ฤดูร้อนอากาศกำลังเย็นสบาย ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยวจะเป็นช่วงเดือน เมษายน-ตุลาคม โดยเฉพาะฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะสวยงามมากจ้า
  2. ความงามล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ ด้วยความที่เมืองเสิ่นหยางเป็นเมืองเก่าแก่มากกว่า 2000ปี จนถึงยุคราชวงศ์ชิง ที่เรืองอำนาจ เมืองนี้จึงร่ำรวยไปไปด้วยสถานที่สำคัญๆทางประวัติศาสตร์ ทั้งพระราชวังกู้กงเสิ่นหยาง ซึ่งเป็นแบบเดียวกับพระราชวังต้องห้ามกู้กงในมหานครปักกิ่ง สุสานและหลุมฝังศพกษัตริย์มากมายก็ตั้งอยู่ในอุทยานเป่ยหลิง ถ้าใครที่ชอบศึกษาด้านประวัติศาสตร์จีนด้วยแล้ว ควรจะเก็บสถานที่ท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้ครบเลยนะจ๊ะ
  3. ความพิศวงของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ในเมืองเสิ่นหยางนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามในแต่ละฤดู ทั้งเนินพิศวงที่รถสามารถไหลขึ้นเนินได้อย่างอัศจรรย์ และสวนพฤกษานานาชาติที่ได้รวบรวมพรรณไม้นานาชนิดไว้ให้ชมกันอย่างละลานตา ยิ่งฤดูที่มีดอกไม้บานด้วยแล้วนี่ยากที่จะลืมได้ลงเลยทีเดียว
  4. โรงแรมที่พักเมืองเสิ่นหยางแสนสะดวกสบาย มีให้เลือกหลากหลายระดับ ไม่ต้องกังวลว่ามาเที่ยวเสิ่นหยางแล้วจะหาที่พักยาก ในเมืองนี้ที่พักมีไล่ตั้งแต่ระดับห้าดาว ไล่ไปจนถึงโฮสเทลราคาย่อมเยาและหอพักตามมหาวิทยาลัยก็มีให้บริการด้วย อีกทั้งการเดินทางภายในตัวเมืองก็แสนสะดวกสบายผังเมืองออกแบบมาดี ไม่ต้องกลัวหลงทางกันเลย
  5. อาหารจีนเลิศรสแสนอร่อย มาเที่ยวเสิ่นหยางทั้งที ไม่ควรพลาดชิมอาหารพื้นเมืองของเสิ่นหยาง ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายทั้ง เกี๊ยวเหลาเปียน (Laobian Dumpling) พายเนื้อสูตรเมืองไห่เฉิง (Haicheng Stuffed Pie)  ที่มีไส้ให้เลือกหลากหลายชนิด และมีไส้ผักนานาชนิดที่จะใส่ผสมลงไปในชิ้นเนื้อนั้นๆด้วย และ Li Lian Gui เป็นแผ่นเครปแป้งห่อไส้เนื้อและหัวหอมสไตล์จีน  ทานได้ง่ายๆ คนท้องถิ่นนิยมทานกันแพร่หลาย รสชาติอร่อยอย่าบอกใครเลย
  6. แหล่งช้อปปิ้งกลางเมืองเสิ่นหยาง หากคุณเป็นมนุษย์นักช็อป ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็ตาม ขอให้ได้ซื้อของฝากไปให้ลุกหลานหรือเพื่อนฝูงต้องไปตลาดและถนนคนเดินไท่หยวนเจียใจกลางเมืองเสิ่นหยางเลย เพราะที่นี่ได้รวบรวมสินค้าต่างๆ มากมายให้คุณได้ช้อปกันเพลินไปเลย รับรองว่าคุณจะได้ซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่คุณรักแน่นอน
           เอาเป็นว่าทุกท่านได้อ่านเหตุผลที่ควรมาเที่ยวเสิ่นหยาง เส้นทางบินใหม่ของนกสกู๊ตกันแล้ว อย่ารอช้าให้คนอื่นๆ ได้มาเที่ยวเมืองเสิ่นหยางแล้วถ่ายรูปสวยๆไปอวดกันก่อนล่ะ รีบจองตั๋วเครื่องบินไปกับเราได้เลย ตั๋วเครื่องบินราคาถูก จองตั๋วเครื่องบิน สายการบินราคาถูก คลิก  และคุณจะต้องไม่ลืมขอวีซ่าประเทศจีนกับจองโรงแรมก่อนการเดินทางกันด้วยนะจ๊ะ ทริปของคุณจะได้ราบรื่น ครั้งหน้าเราจะพาพวกคุณไปเที่ยวไหนกันอีก โปรดตั้งหน้าตั้งตารอชมกันเลยจ้า

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559

สุดยอดอาหารเลื่องชื่อที่ไม่ควรพลาดในเมืองเทียนจิน

ไปเที่ยวเทียนจิน ใครๆก็บินไปได้ ใช้เวลาเดินทางเพียง 5 ชั่วโมงเศษๆ ก็ถึงดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน หากจะเดินทางต่อไปยังนครหลวงปักกิ่งที่เป็นเมืองหลวงก็เดินทางได้ง่าย เพียงแค่นั่งรถไฟความเร็วสูงเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ในครั้งที่แล้ว เราได้พูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองเทียนจินกันพอหอมปากหอมคอแล้ว คราวนี้มาเที่ยวเทียนจินทั้งที จะไม่ให้กล่าวถึงอาหารการกินที่ขึ้นชื่อในเมืองเทียนจินเลยก็กระไรอยู่

ได้เวลาเหินฟ้าไปเสาะหาอาหารอร่อยๆ ประจำเมืองเทียนจินมารับประทานกันดีกว่า อาหารชื่อดังของเมืองนี้ ชื่อว่า ซาลาเปาหมาเมิน (โก่วปู้หลี่) Goubuli Baozi (steamed stuffed bun) (โก่ว=สุนัข ปู้=ไม่ หลี่=มอง) ร้านที่ขายซาลาเปานี้มีประวัติยาวนานร้อยกว่าปี เดิมมีชื่อว่า "เต๋อจวี้เฮ้า" แต่เหตุที่ได้ชื่อใหม่ว่า "โก่วปู้หลี่" ก็เพราะว่า ครั้งหนึ่งร้านซาลาเปาแห่งนี้มีเจ้าของร้านชื่อว่า เกากุ้ยโหย่ว เขามีชื่อเล่นในสมัยเด็กว่า "ลูกหมา" (โก่วจื่อ) เนื่องมาจากว่าบิดาของเขามีบุตร ก็คือ เกากุ้ยโหย่ว ตอนอายุ 40 ปี ดังนั้นจึงตั้งชื่อเล่นให้ลูกว่า โก่วจื่อ เพื่อขอภาวนาให้บุตรชายได้อยู่เย็นเป็นสุข และเติบโตอย่างปลอดภัย ต่อมา ร้านซาลาเปาของเกากุ้ยโหย่ว มีลูกค้ามาอุดหนุนมากมาย กิจการเจริญรุ่งเรืองและมีชื่อเสียงมากขึ้นทุกวัน ทำให้เขายุ่งกับการขายซาลาเปา จนไม่มีเวลาทักทายลูกค้าเหมือนอย่างเคย จึงโดนลูกค้าล้อเล่นกันว่า "ลูกหมาขายซาลาเปา อะไรๆ ก็ไม่สน" นานวันเข้าจึงเรียกว่า "ซาลาเปาโก่วปู้หลี่" ก็คือ "ซาลาเปาหมาเมิน" นั่นเอง 

ความอร่อยของซาลาเปาหมาเมินนั้น สำคัญอยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบ ส่วนหลักๆ ก็คือ แป้ง หมูสับ และเครื่องปรุงรส นอกจากนั้นผู้ทำยังต้องมีเทคนิคการนวดและคลึงแป้งสาลีอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แต่ละจีบของซาลาเปาแต่ละลูกนั้นจะต้องมีขนาดเท่ากัน และแต่ละลูกจะต้องมีจีบไม่ต่ำกว่า 15 จีบด้วย สำหรับผู้ที่อยากจะชิมความอร่อยนั้น สามารถเลือกทานได้ทั้งแบบนึ่งทานในร้าน หรือจะซื้อเป็นแพ็คแช่แข็งกลับบ้าน แล้วเอามาอุ่นไมโครเวฟทานเองทีหลังก็ได้
ร้านแนะนำ : Goubuli Baozi General Restaurant
ที่อยู่ : No.77, Shandong Lu, Heping District



Ear-Hole Fried Cake (Erduoyan Zhagao) ขนมใบหู
            ขนมรูหู เป็นของทานเล่นขึ้นชื่อของเมืองเทียนจินมีประวัติเล่าลือกันมานานกว่า 80 ปี ว่ากันว่ามาจากชายผู้หนึ่งนามว่า  Liu Wanchun ผู้ค้าขายขนมบนถนนแคบๆ สายหนึ่ง ลูกค้าทุกคนต่างติดใจในรสชาติขนมที่ปั้นมาจากแป้งสาลี ข้างในบรรจุไส้ถั่วแดง แล้วนำลงไปบรรจงทอดอย่างพิถีพิถันจนได้ขนมแป้งสีทองข้างนอกกรอบ ข้างในไส้ถั่วแดงร้อนกรุ่น หอมและหวานถั่วแดงข้างใน ภายหลังเมนูนี้ได้รับความนิยมมากจนคนขายรวยเอารวยเอา และได้ขยายกิจการใหญ่โตเปิดเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ในปัจจุบัน ขนมอร่อยทำจากวัตถุดิบชั้นดี แถมราคายังเป็นมิตรอีกต่างหาก ไม่แวะชิมไม่ได้แล้ว
ร้านแนะนำ : Erduoyan Zhagao
ที่อยู่ : No.37, Beimenwai Dajie, Hongqiao District Food Street Branch: No.16, 1 Qu


Fried Dough Twist (Ma hua) ขนมเกลียวแห่งเมืองเทียนจิน

ถึงหน้าตาของขนมปังแบบเกลียวนั้นสุดแสนจะธรรมดาคล้ายกับขนมปังเกลียวบ้านเรา แต่ขนมเกลียวแห่งเมืองเทียนจินนั้นทำยากกว่าที่คิด แต่ละแท่งนั้นผลิตจากแป้งสาลีชั้นดีนำไปทอดกับน้ำมันพีนัท มีการเคลือบแป้งชั้นนอกด้วยถั่ว และรสชาติต่างๆอีกมากมาย ขนมเกลียวแต่ละแท่งจะทอดจนแข็ง สามารถเก็บไว้รับประทานได้ถึง 2-3 เดือน ดังนั้นจึงเหมาะที่จะซื้อเป็นขนมของฝากไปยังญาติพี่น้องที่บ้านท่านได้อย่างสบาย
ร้านแนะนำ : Shiba Jie Mahua Hotel Street Branch
ที่อยู่ : No.18, Jiashang, Beilou, Hotel Street




Chatang



            ขนมโบราณแบบทานร้อนๆ นำแป้งไปอบก่อนจนเป็นวุ้น จากนั้นก็จะต้องผสมกับน้ำซุปในกาทองแดง และเติมน้ำตาลทรายกับน้ำตาลทรายแดงลงไปเคี่ยว หลังจากนั้นแต่งหน้าขนมในถ้วยตามใจชอบ เวลายกเสิร์ฟจะเสิร์ฟร้อนๆ เป็นถ้วยๆ ทานแก้หนาวได้อย่างดีเลยถ้าใครนึกภาพตามไม่ออกลองสังเกตในรูป หน้าตาแอบคล้ายๆกับเต้าฮวยบ้านเราเลยนะร้านแนะนำ : ให้เดินไปที่ถนนสายวัฒนธรรม ตามริมถนนมีให้ชิมมากมายที่อยู่ : Dongbei Jiao , Heibei District, Tianjin 



Guobacai อาหารเช้าสไตล์เทียนจิน
            อาหารเช้าแสนอร่อยประจำเมืองเทียนจิน หน้าตาคล้ายแพนเค้กแบบกรอบ ทำจากแป้งผสมกับถั่ว ราดด้วยน้ำมันงา ขิง ซีอิ๊วขาว น้ำแกงจะเป็นแบบขลุกขลิก มักจะทานควบคู่กันไปกับเค้กงาและแป้งโดท์
Tangdui ตังดุ่ย ผลไม้เชื่อมเสียบไม้


 


            ถ้าคุณเคยมาเที่ยวจีนแล้ว เมนูนี้พบเห็นได้ทั่วไปในริมทาง มักจะเป็นผลไม้สด มีทั้งสตรอเบอรี่ พลัม เชอรี่ คว้านเอาเมล็ดข้างในออกแล้วบรรจงเสียบไม้แล้วจุ่มลงในน้ำเชื่อมแบบร้อนๆ เมื่อจุ่มเสร็จมาเจออากาศเย็นๆ น้ำเชื่อมก็จะแข็งตัวกลายเป็นแว็กซ์ที่ช่วยถนอมอาหารไปในตัว ได้รสอมหวานและอมเปรี้ยวจากตัวผลไม้และน้ำเชื่อมที่เคลือบอยู่ บางครั้งชุบเมล็ดงาเพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยขึ้น
ร้านแนะนำ : หาทานได้ทั่วไปตามท้องตลาด ตามถนนคนเดินสายวัฒนธรรมจะมีมากหน่อย

            แล้วเราจะไปชิมอาหารอร่อยๆแบบนี้ได้ที่ไหนล่ะ ที่เมืองเทียนจินนั้นมีถนนสายอาหาร  (Shipin Jie) อารมณ์ประมาณช้อปปิ้งมอล 2ชั้น  แต่เต็มไปด้วยร้านอาหารมากกว่า 50 ร้านรอให้นักชิมจากทั่วโลกให้มาลิ้มรสอยู่ มีทั้งอาหารแบบ street food ทั่วๆไป มีทั้งภัตตาคารหรูราคาแพง และคาเฟ่ขนมหวานอยู่ในที่เดียวกัน หากใครอยากเปิบพิสดารเมนูแปลกๆ ที่นี่ก็มีให้ท่านได้หาชิม
การที่เราใช้เวลาในวันหยุดยาวเพื่อไปเที่ยวเมืองเทียนจิน และได้ทานของอร่อยเจ้าดังประจำเมืองนั้นๆ ถือเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่ามากที่สุด เพราะนอกจากจะได้เปิดหูเปิดตา ชมความสวยงามของเมืองเทียนจินแล้ว ยังได้ลิ้มรสอาหารอร่อย เรียกว่าได้สัมผัสครบทุกอรรถรส พร้อมที่จะเติมความสดชื่นให้มีพลังในการทำงานต่อไปได้ดีทีเดียว จองตั๋วเครื่องบิน เช็คราคาตั๋วเครื่องบิน ตั๋วเครื่องบินราคาถูก โปรโมชั่นตั๋วเครื่องบิน คลิกเลยจ้า